วันอาทิตย์

รวยอสังหา บทที่ 25 เป็นนายหน้าอสังหา ควรเป็นสมาชิก Real estate broker associate


ขั้นตอนพิจารณาการอนุมัติการสมัครสมาชิก
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์


สมาชิกสามัญนิติบุคคล
1. ผู้สมัครสมาชิกสามัญนิติบุคคล ต้องกรอกใบสมัครสมาชิก และใบสมัครสอบ พร้อมชำระค่าบำรุงสมาคมฯ 2,000 บาท ค่าลงทะเบียนแรกเข้า 500 บาท และค่าสมัครสอบ 200 บาท รวม 2,700 บาท (สองพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
***หมายเหตุ: (สมาคมฯ รับชำระเงินโดยออกใบเสร็จรับเงิน หากไม่ผ่านการสมัครสมาชิก ทางสมาคมฯ ไม่คืนเงินทุกกรณี)
2. สมาคมฯ ตรวจสอบใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัครสมาชิก
3. สมาคมฯ ติดต่อกรรมการที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงผู้สมัคร เพื่อมอบให้กรรมการไปตรวจสอบสถานที่ทำการ (เฉพาะในเขตกทม.และปริมณฑล / สำหรับสมัครจากต่างจังหวัดให้จัดส่งรูปที่ตั้งสำนักงาน และแผนที่มาให้พิจารณาประกอบการอนุมัติ)
4. สมาคมฯ จะนำเรื่องการสมัครเข้าที่ประชุมเพื่ออนุมัติการเป็นสมาชิกและผู้มีสิทธิสอบ พร้อมกับเชิญกรรมการผู้มีอำนาจหรือผู้รับมอบอำนาจ 1 ท่าน จากบริษัทผู้สมัครเข้าประชุมเพื่อแนะนำตัวต่อคณะกรรมการสมาคมฯ ในคราวเดียวกัน
5. ผู้สมัครสมาชิกหากผ่านการอนุมัติผู้มีสิทธิสอบ ทางสมาคมฯ จะประกาศให้ผู้สมัครทราบ
6. ผู้สมัครที่ผ่านการอนุมัติผู้มีสิทธิสอบแล้ว กรรมการผู้มีอำนาจหรือผู้รับมอบอำนาจ 1 ท่าน จากบริษัทจะต้องเข้ารับการสอบที่จัดโดยสมาคมฯ
7. ผู้สมัครสอบที่ผ่านการสอบ ทางสมาคมฯ จะส่งผลการสอบให้ทราบพร้อมทั้งจดหมายยืนยันการเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ (หากสอบไม่ผ่านต้องมาสอบซ่อมใหม่จนกว่าจะผ่าน โดยชำระค่าสอบซ่อม 200 บาท )
8. สมาคมฯ จัดทำบัตรสมาชิกสามัญให้แก่กรรมการผู้มีอำนาจหรือผู้รับมอบอำนาจ 1 ท่าน จากบริษัทผู้สมัครพร้อมกับจัดส่งหนังสือข้อบังคับสมาคมฯ ให้สมาชิก

สมาชิกวิสามัญบุคคลธรรมดา
1. ผู้สมัครสมาชิกวิสามัญบุคคลธรรมดา ต้องกรอกใบสมัครสมาชิก และใบสมัครสอบ พร้อมชำระค่าบำรุงสมาคมฯ 1,000 บาท ค่าลงทะเบียนแรกเข้า 500 บาท และค่าสมัครสอบ 200 บาท รวม 1,700 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
***หมายเหตุ: (สมาคมฯ รับชำระเงินโดยออกใบเสร็จรับเงิน หากไม่ผ่านการสมัครสมาชิก ทางสมาคมฯ ไม่คืนเงินทุกกรณี)
2. สมาคมฯ ตรวจสอบใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัครสมาชิก
3. ผู้สมัครสมาชิกวิสามัญที่ยังไม่ได้ผ่านการอบรมหรือไม่มีใบรับรองผ่านการอบรมจะต้องเข้ารับการอบรมจากสถาบันอบรมที่สมาคมฯ ให้การรับรอง
4. ผู้สมัครที่ผ่านการอบรมแล้ว สมาคมฯ จะนำเรื่องการสมัครเข้าที่ประชุมเพื่อการอนุมัติการเป็นสมาชิกและผู้มีสิทธิสอบ พร้อมกับเชิญผู้สมัครเข้าประชุมเพื่อการแนะนำตัวต่อคณะกรรมการสมาคมฯ ในคราวเดียวกัน
5. ผู้สมัครสมาชิกหากผ่านการอนุมัติผู้มีสิทธิสอบ ทางสมาคมฯ จะประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
6. สมาชิกวิสามัญที่ผ่านการอนุมัติผู้มีสิทธิสอบแล้ว จะต้องเข้ารับการสอบที่จัดโดยสมาคมฯ
7. ผู้สมัครสอบที่ผ่านการสอบ ทางสมาคมฯ จะส่งผลการสอบให้ทราบพร้อมทั้งจดหมายยืนยันการเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ (หากสอบไม่ผ่านต้องมาสอบซ่อมใหม่จนกว่าจะผ่าน โดยชำระค่าสอบซ่อม 200 บาท )
8. สมาคมฯ จัดทำบัตรสมาชิกวิสามัญให้แก่ผู้สมัครพร้อมกับจัดส่งหนังสือข้อบังคับสมาคมฯ ให้สมาชิก

สมาชิกสมทบสังกัดบริษัทสมาชิกสามัญนิติบุคคล
1. พนักงานขายในสังกัดบริษัทสามัญจะต้องผ่านการอบรมจากบริษัท (In - house Training) หรือผ่านการอบรมจากสถาบันอบรมที่ได้รับการรับรองจากสมาคมฯ
2. พนักงานขายในสังกัดบริษัทสมาชิกสามัญต้องเข้ารับการสอบที่จัดโดยสมาคมฯ เพื่อรับบัตรพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งสมัครสมาชิกสมทบ โดยชำระค่าสมัครสอบ 200 บาท เงินค่าบัตร 300 บาท รวม 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)
3. พนักงานขายที่สอบผ่าน ทางสมาคมฯ จัดทำบัตรพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์ ให้กับผู้สมัคร

วันพฤหัสบดี

รวยอสังหา บทที่ 24 Factory for rent or sale ขายหรือให้เช่าโรงงาน

ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที การคมนาคมสะดวก สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางหลักทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล บรรยากาศดี อยู่ติดเขตลาดกระบัง 
โรงงานและคลังสินค้าได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องสาธารณูปโภคที่จำเป็นครบครัน รูปแบบและโครงสร้างอาคารทันสมัยได้มาตรฐานสากล เหมาะสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติและผู้ประกอบการรายใหม่ที่ดำเนินธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมซึ่งสามารถขอใบรับรองได้ 
โครงสร้างของอาคาร พื้นที่ แบ่งออกเป็น 3 ยูนิต ได้แก่
อาคาร 1 มีพื้นที่ 2,550 ตร.ม. พร้อมสำนักงาน
อาคาร 2 มีพื้นที่ 1,650 ตร.ม.
อาคาร 3 มีพื้นที่ 2,550 ตร.ม. พร้อมสำนักงาน

วันจันทร์

รวยด้วยอสังหา บทที่ 23 เหล็กเส้นที่คุณ(อาจไม่รู้) long product steel

ประหยัดการใช้เหล็กอย่างไร      โดยปกติการพิจารณาเลือกชนิดของเหล็กเส้น ได้แก่ เหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย ชนิด SD30, SD40 และ SD40 และ SD50 จะขึ้นอยู่กับชนิดของโครงสร้างเป็นหลัก และในปัจจุบันมีความนิยมใช้เหล็กเส้นข้ออ้อยมากกว่าการใช้เหล็กเส้นกลมเนื่องมาจากคุณภาพที่ดีกว่า ทั้งด้านแรงดึง และแรงยึดเกาะคอนกรีต ในขณะที่ราคาเท่ากันและในขณะเดียวกันสัดส่วนของการใช้ SD40 ต่อ SD30 ก็มีมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้สามารถซื้อ SD40 ในราคาสูงกว่า SD30 เพียง 20 สตางค์ ต่อ กิโลกรัม แต่มีแรงดึงสูงกว่า ถึง 33 % ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการลดจำนวนการใช้เหล็กและทำให้ต้นทุนโดยรวมถูกกว่าถึง 30 % 

รวยอสังหา บทที่ 22 อิฐมวลเบาPCC ดีกว่าอิฐมอญอย่างไร Constructor tips

อิฐมวลเบา PCC ดีกว่า อิฐมอญอย่างไร


อิฐมวลเบาสำหรับช่าง

1. ก้อนใหญ่กว่าก่อได้เร็วกว่า
    ·  ขนาดอิฐมวลเบา 7.5X 20 X 60 ซ.ม.
        ขนาดอิฐมอญ 7X 15 X3 ซ.ม.
    · การใช้งานอิฐมวลเบา 8.33 ก้อน /ตร.ม.       การใช้งานอิฐมอญ 130-145 ก้อน/ ตร.ม.
2. เทียบพื้นที่เท่ากันเบากว่า
    เบากว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า และเบากว่าคอนกรีต
    4-5 เท่า ทำให้สะดวกในการติดตั้งและขนย้าย
    · น้ำหนักอิฐมวลเบา 45 กก./ ตร.ม.      น้ำหนักอิฐมอญ 130 กก./ ตร.ม.
3. งานเสร็จไว ก็ได้รับเงินไว
    · ความรวดเร็วในการก่ออิฐมวลเบา 15-20 ตร.ม./วัน
      ความรวดเร็วในการก่ออิฐมอญ 6-12 ตร.ม./วัน
สำหรับลูกค้าทั่วไป

รวยอสังหาบทที่ 21 ซีเมนต์โฟม VS อิฐมวลเบา ในการต่อสร้าง Cementfoam EPS

ว่าด้วยเรื่องราคาก่อนครับ
คำนวนพื้นที่ 3.60ตรม.เอาขนาดมาตรฐานแผ่นซีเมนต์โฟมนะครับ
อิฐมวลเบา 1 ตร.ม. = 8.33  ก้อน  หากพื้นที่  3.60 ตร.ม. ใช้อิฐ 30 ก้อน
โฟมซีเมนต์ 1 แผ่น ขนาด1.20x3.00 x หนา 3 นิ้ว = 395 บาท พื้นที่ 3.60 ตร.ม. แต่มีอุปกรณ์ประกอบอีกคือ ตะแกรงลวด เมตรละ 75 บาท (แบบบาง) ใช้ 2 ด้าน รวม 3.60 ตารางเมตร (75x2x3)+45=495 บาท  
สรุปดังนี้ ใช้อิฐมวลเบา 3.60 ตารางเมตร ใช้ 30 ก้อน ค่าใช้จ่าย 1,080.00 บาท
           ใช้โฟมซีเมนต์ 3.60 ตารางเมตร ใช้ 1 แผ่น   ค่าใช้จ่าย 495+395 = 890 บาท


หมายเหตุว่า  โดยรายละเอียดโฟม ขนาด 1.20 * 3.00 ม. ความหนาแน่น 0.8 ปอนด์/ลบ.ม. แผ่นละ 395 บาท คิดเป็น 109 บาท ต่อ 1 ตารางเมตร ถ้าสั่งเกิน 200 แผ่น ส่งกับรถเทรนเลอร์ (ค่าส่งไม่ทราบครับ) แต่ถ้าต้องการต่ำกว่า 200 แผ่น ส่งทาง พกง. ครับ

คุณสมบัติที่ดี ของ cement foam 
1.น้ำหนักเบาในการผลิตผนังซีเมนต์โฟม รั้วซีเมนต์โฟม โฟมคิ้วยัว โฟมแกะสลักเสมือนหิน ที่ผลิตจากโฟมEPS ในการก่อสร้าง ช่วยประหยัดทั้งต้นทุน และระยะเวลาในการก่อสร้าง เพราะโฟม EPS มีน้ำหนักเบา สามารถยก หรือ เคลื่อนย้ายได้ง่าย
2.ประหยัดไฟ

วันอาทิตย์

รวยด้วยอสังหา บทที่ 20:ภาระจำยอม real estate legal

ภาระจำยอมในที่ดิน
----------------ภาระจำยอม เป็นทรัพยสิทธิ ประเภทหนึ่ง ที่ตัดทอนกรรมสิทธิ์ ในอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลอื่น อันทำให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น ต้องยอมรับภาระบางอย่างซึ่งกระทบกระเทือนอำนาจกรรมสิทธิ์ เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ในทางกฏหมายแล้ว อสังหาริมทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากภาระจำยอมเรียกว่า " สามยทรัพย์ " ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในบังคับภาระจำยอมเรียกว่า " ภารยทรัพย์ " ตัวอย่างภาระจำยอมเช่น ยอมให้มีทางเดิน หรือ ทางน้ำ ยอมให้ชายคา หรือ หน้าต่างบุคคลอื่น ล้ำเข้ามาในที่ดินของตน ยอมที่จะไม่ปลูกสร้างอาคาร ปิดบังแสงสว่าง ทางลม แก่ที่ดินข้างเคียง 
----------สิทธิ และ หน้าที่ของ เจ้าของภารยทรัพย์มีดังนี้คือ
-----1. ต้องไม่ประกอบการใด ๆ เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมนั้นลดลงไป
-----2. เจ้าของสามยทรัพย์ ไม่มีสิทธิเปลี่ยนแปลงใน ภารยทรัพย์ หรือ ในสามยทรัพย์ อันเป็นการเพิ่มภาระแก่ ภารยทรัพย์
-----3. เจ้าของสามยทรัพย์ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อรักษาและ ใช้ภาระจำยอม และ ต้องให้ภารยทรัพย์เสียหายน้อยที่สุด
-----4. ถ้าความต้องการของเจ้าของสามยทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงนั้นย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าของสามยทรัพย์ ที่จะทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้น แก่ภารยทรัพย์
-----5. เจ้าของภารยทรัพย์อาจจะขอย้ายไปส่วนอื่น ก็ได้ แต่การย้ายนั้น ต้องไม่ ทำให้ความสะดวกแห่งสามยทรัพย์ลดน้อยลงไป
-----6. ถ้ามีการแบ่งภารยทรัพย์ ภาระจำยอมก็คงมีอยู่ทุกส่วน ที่แยกออกไป แต่ถ้าส่วนใดไม่ใช้ หรือ ใช้ไม่ได้ เจ้าของส่วนอาจเรียกหรือ ขอให้พ้นจากภาระจำยอมได้ 
-----7. เมื่อสามยทรัพย์ได้จำหน่ายออกไปภาระจำยอมย่อมติดไปด้วย เว้นแต่จะมีการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น 
ภาระจำยอมเป็นบทบัญญัติที่ไม่มีการจำกัดระยะเวลา เหมือนทรัพยสิทธิประเภทอื่น ดังนั้นการทำนิติกรรมที่ ก่อให้เกิดภาระจำยอมต้องกำหนดเงื่อนไงไว้ให้ชัดเจน เช่น ความกว้างความยาว การให้ยานพาหะนผ่านได้หรือไม่ หรือ การกำหนดว่าให้หมดภาระจำยอม เมื่อมีการโอน สามยทรัพย์ให้บุคคลอื่น 
----------ภาระจำยอม อาจเกิดโดยนิติกรรม และ โอยอายุความภาระจำยอมโดยนิติกรรม จะทำได้โดยการตกลงกัน ระหว่างเจ้าของที่ดินแปลงที่จะจดเป็นภาระจำยอม และ แปลงที่จะได้ประโยชน์จากภาระจำยอม โดยต้องจดทะเบียน ต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนภาระจำยอมที่เกิดจากอายุความ เกิดโดยทื่ดินแปลง หนึ่งได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินอีกแปลงหนึ่ง โดยสงบ เปิดเผย และ มีเจตนาเป็นเจ้าของสิทธินั้น ติดต่อกันเป็นระยะเวลาเกิน 10 ปี จนได้ภาระจำยอมโดยอายุความ
----------การสิ้นไปแห่งภาระจำยอม
-----1. ถ้า ภารยทรัพย์ หรือ สามยทรัพย์ สลายไปทั้งหมดเท่ากับภาระจำยอมจะสิ้นไปโดยอัตโนมัติ
-----2. เมื่อภารยทรัพย์ หรือ สามยทรัพย์ ตกเป็นเจ้าของคนเดียวกัน เจ้าของสามารถขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมได้
-----3. ภาระจำยอมไม่ได้ใช้ 10 ปี ติดต่อกัน ภาระจำยอม ย่อมหมดสิ้นไป
-----4. ภาระจำยอมหมด ประโยชน์ แก่สามยทรัพย์
-----5. เมื่อภาระจำยอมนั้น ยังประโยชน์ ให้แก่ สามยทรัพย์นั้น น้อยมาก เจ้าของภารยทรัพย์ขอให้พ้นจากภาระจำยอมทั้งหมด หรือ แต่บางส่วนก็ได้ แต่ต้องใช้ค่าทดแทน

วันเสาร์

รวยอสังหา บทที่ 19:ข้อคิดในการเลือกซื้อที่ดิน Real estate tips to rich

 1. ทำเลที่ตั้ง  ก่อนอื่นให้ดูผังเมืองรวมของจังหวัดที่ท่านจะสร้าง โรงงานว่าที่ดินแปลงที่ท่านดูอยู่นั้นสามารถสร้างโรงงาน
ได้หรือไม่ โดยในผังเมืองจะแบ่งเขตพื้นที่ (Zoning Area) เอาไว้ว่าแต่ละโซนของที่ดินใช้ทำอะไรได้หรือไม่ เช่น พื้นที่
สีเขียวใช้ทำเกษตรกรรม
,
พื้นที่สีม่วงใช้ ทำอุตสาหกรรม,พื้นที่สีเหลือง ใช้เป็นที่พักอาศัย เป็นต้น ซึ่งในแต่ละโซนก็จะกำหนดรายละเอียด
ปลีกย่อย มากขึ้นไปอีก อาทิเช่น โซนที่ระบุให้ทำเกษตรกรรมแต่มีข้อยกเว้นสร้างโรงงานที่ไม่มีมลพิษได้บางส่วน
5 – 10% ของพื้นที่
ในโซนนั้นเป็น ต้น ซึ่งต้องไปดูว่า
อุตสาหกรรมของท่านจัดอยู่ประเภทไหนสามารถสร้างได้หรือไม่ในทาง ปฏิบัติขอแนะนำให้นำโฉนด
ที่ดินไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ผู้ออกใบอนุญาตโดยตรง เป็นกรณี ๆ ไป ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ ดูว่าที่ดินแปลงนั้นใกล้กับวัด
ศาสนสถาน หรือโรงเรียนมากน้อยแค่ไหน ถ้าใกล้มากอาจจะขออนุญาตสร้างโรงงานไม่ได้สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกประเด็นหนึ่งก็ คือ
การเลือกซื้อ ที่ดินบริเวณที่สามารถขยายโรงงานได้ง่ายในอนาคต กรณีที่ซื้อที่ดินใกล้เขตชุมชนเมื่อกิจการเจริญเติบโตขึ้นการขยายตัว
จะทำได้ยากกว่าการซื้อที่ดินที่ห่างไกลแหล่ง ชุมชน เนื่องจากที่ดินใกล้เขตชุมชนมีราคาแพง และจะมีสิ่งปลูกสร้างโดยรอบเพิ่มขึ้นอย่าง
รวดเร็วการพิจารณาซื้อที่ดินที่ภาครัฐให้การส่งเสริม การลงทุนก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ในการลงทุนด้านอื่น ๆ เช่น
เรื่องภาษี เรื่องเครื่องจักร เป็นต้น


2.
ขนาด รูปร่าง และระดับของที่ดิน สิ่งต่อมาที่ต้องพิจารณา คือ ตัวที่ดิน ได้แก่ลักษณะทางกายภาพของที่ดิน ขนาดความกว้าง ความลึก
รูปร่างและระดับ ของที่ดิน สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก เช่น ถ้าที่ดินมีลักษณะเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว (หน้าแคบ แต่ลึก) ก็จะมีปัญหาในเรื่องเทศบัญญัติเกี่ยวกับ
ระยะร่นด้าน ข้าง(
Set Back) ทำให้ได้ตัวโรงงานที่แคบหรือมีพื้นที่น้อยกว่าที่ต้องการได้ ยกตัวอย่าง เช่น ต้องการสร้างโรงงานขนาดพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ถ้าโรงงานมีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องมีที่ว่างห่างจากเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 10 เมตร
โดยรอบทุกด้าน ให้ลองเปรียบเทียบการสร้างโรงงานบนที่ดิน 2 แปลงนี้ดู
จากรูปจะเห็นว่าที่ดินทั้งสองแปลงนั้น สร้างโรงงานได้ขนาดพื้นที่ 2,000ตารางเมตรเท่ากัน แต่ที่ดินแปลงที่ 1 ซึ่งมีหน้ากว้าง 36 เมตร ต้องใช้ที่ดินถึง 3 ไร่ 1 งาน 5 ตารางเมตร ในขณะที่แปลงที่ 2 เป็นที่ดินหน้ากว้าง
60
เมตร ใช้ที่ดินเพียง 2 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวาเท่านั้น เท่ากับว่าประหยัดค่าที่ดินไปได้ถึง 2 งาน 55 ตารางวา ดังนั้นในการเลือกซื้อที่ดินควรเลือก
ที่ดินที่มีลักษณะ รูปร่างใกล้เคียงกับสี่เหลี่ยมจัตุรัส จึงจะใช้ประโยชน์ที่ดินคุ้มค่ากว่าที่ดินที่มีรูปร่างยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว ส่วนที่ดินแบบอื่นที่พึง
หลีกเลี่ยง ได้แก่ ที่ดินรูปชายธง ที่ดินรูปสี่เหลียมคางหมู เป็นต้น เพราะจะใช้ประโยชน์ที่ดินได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทางที่ดีก่อนตัดสินใจซื้อควร
ทดลองวาง
Lay – out ของโรงงานดูก่อน และอย่าลืมเผื่อพื้นที่  สำหรับการขยายตัวในช่วง 3 – 5 ปี ด้วย
ระดับของที่ดินควรเป็นที่สูงอย่าง น้อย
ควรสูงกว่าระดับถนนในละแวกนั้น เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในหน้าฝน ให้สอบถามสถิติน้ำท่วมสูงสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดูด้วย ถ้าที่ดินมีระดับ
ต่ำ กว่าที่ต้องการก็ควรจะถมดินเพิ่มเติม แต่ต้องตรวจสอบความพร้อมของดินที่จะถมและเมื่อถมแล้วก็สามารถก่อสร้างได้เลย ไม่ต้องรอให้ดินทรุดตัว
เพราะเราสามารถสร้างโรงงานอยู่บนเสาเข็มที่ตอกลง ไปในชั้นดินแข็งที่ลึกลงไปใต้ดิน (เช่น ในกทม. ลึกประมาณ 12 เมตร) ไม่ได้วางบนดินที่ถมเอา
ไว้จึงไม่ต้องกลัวว่าพื้นโรงงานจะ ทรุดตัว
3. การเข้าถึง ในการพิจารณาเลือกซื้อที่ดิน สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษก็คือ ทางเข้าออกที่สะดวก และมีขนาดกว้างพอที่จะให้รถขนวัตถุดิบและ
สินค้าเข้า ไปได้นอกจากนั้นควรตรวจสอบว่า ทางเข้าออกนั้นเป็นทางสาธารณะจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการซื้อที่ตาบอดเข้าออกไม่ได้
4. ระบบสาธารณูปโภค ในการเลือกซื้อที่ดินสร้างโรงงานนั้น ที่ดินที่ท่านเลือกซื้อควรจะมีระบบสาธารณูปโภครองรับอย่างครบถ้วน ทั้งไฟฟ้า
น้ำประปาและโทรศัพท์ โดยสามารถตรวจสอบได้จาก การไฟฟ้า การประปาและองค์การโทรศัพท์ในเขตพื้นที่นั้น ๆ ว่ามีขนาดและจำนวนของระบบ
ต่าง ๆ รองรับเพียงพอหรือไม่หากไม่เพียงพอจะต้องทำการขยายเขต ซึ่งจะต้องเสียทั้งค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและต้องเสียเวลารอนาน ซึ่งอาจจะมีผลกระทบ
ต่อแผนการผลิตของท่านได้
แหล่งน้ำที่จะใช้ในการผลิต หรือน้ำกิน น้ำใช้ ก็มีความสำคัญมากเช่นกันกรณีที่บริเวณนั้นยังไม่มีระบบประปารองรับ หรือ
มี แต่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานอาจจะต้องสร้างบ่อ หรือถังกักเก็บน้ำขึ้นมาใช้เอง ก็ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในส่วนที่เพิ่มเติมนี้ด้วย
5.สภาพแวดล้อม ก่อนซื้อที่ดิน ควรพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยว่า เมื่อสร้างโรงงานไปแล้วจะเกิดผลกระทบต่อเนื่องอย่างไรบ้าง เช่น ถ้ามี
ชุมชน บ้านเรือนที่พักอาศัยอยู่ใกล้เกินไป แล้วโรงงานของท่านมีเสียงดัง มีอากาศเป็นพิษ กลิ่นเหม็น มีฝุ่น ควัน หรือมีน้ำเสียที่เกินมาตรฐาน ชาวบ้าน
อาจจะร้องเรียนมีปัญหากับชุมชนรอบข้าง ทำให้การผลิตต้องหยุดชะงักจนถึงขั้นปิดโรงงานได้ การสร้างโรงงานเพื่อป้องกันมลพิษเหล่านั้นไม่ให้
เกิดขึ้นเลยก็สามารถทำ ได้แต่อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้นจึงควรชั่งน้ำหนักดูว่าจะเลือกตั้งโรงงานในพื้นที่นั้น หรือ
เลือก ที่อื่นที่ไม่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว
6. เรื่องอื่น ๆ ยังมีข้อที่ควรพิจารณาในการเลือก ซื้อที่ดินในด้านอื่น ๆ อีก เช่น การดูเรื่องฮวงจุ้ยว่า ที่ดินแปลงที่เราเลือกมีความเหมาะสมที่จะตั้ง
โรงงานหรือไม่ การเลือกที่ตั้งไม่ดีอาจจะมีผลกระทบต่อกิจการได้ซึ่งศาสตร์ของฮวงจุ้ยโดย เนื้อแท้ก็คือการนำหลักพื้นฐานมาจากการใช้งานจริงได้
สะดวกและปลอดภัยมา ใช้ เช่น ไม่ควรสร้างอาคารบนที่ดินตรงกับทางสามแพร่งเพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุรถชน ได้ง่าย เป็นต้น